แนวทางการบริหารที่เทศบาลนครเชียงใหม่ถือปฏิบัติตลอดเวลาในช่วง 11 ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. 2552 – 2563) หากกล่าวโดยสรุปแล้วจะมีเพียงสามนโยบายหลัก ๆ ได้แก่
1. ลดค่าใช้จ่ายประจำของเทศบาลนครเชียงใหม่ เช่น ลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร และ ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
2. เพิ่มความโปร่งใส ซึ่งจะต้องเป็นความโปร่งใสที่จับต้องได้ และส่งผลดีต่อเทศบาลนครเชียงใหม่ อาทิ การประหยัดจากการเข้มงวดในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้ฐานะการคลังของเทศบาลนครเชียงใหม่ดีขึ้น
3. เพิ่มงบประมาณที่ใช้ในการพัฒนาเมือง (งบลงทุน) ซึ่งเป็นเป้าหมายของสองข้อแรก คือการเพิ่มงบลงทุน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ประชาชน อาทิ โครงการตรวจสุขภาพประจำปี ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดทั่วเมือง การสร้างและปรับปรุงสวนสาธารณะรวมถึงพิพิธภัณฑ์ และการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ตลอดจนบริการสาธารณะต่าง ๆ
แต่ในปี 2563 เกิดวิกฤตโควิด-19 ขึ้น เทศบาลนครเชียงใหม่ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับนโยบายจากส่วนกลางมาปฏิบัติเพื่อควบคุมการระบาด ซึ่งเราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแลกด้วยการหดตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจเช่นกัน รายได้ส่วนใหญ่ของประชาชนลดลงอย่างมาก และโดยไม่ทันตั้งตัว รัฐบาลมีการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลงร้อยละ 90 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของเทศบาลนครเชียงใหม่ลดลงราวร้อยละ 85 หรือลดลงกว่า 276 ล้านบาท
ดังนั้น การบริหารงานของเทศบาลนครเชียงใหม่ ในปี 2564 จึงต้องระมัดระวังมากขึ้น แน่นอนว่าการควบคุมค่าใช้จ่ายประจำยังต้องดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น ส่วนงบประมาณที่ใช้ในการพัฒนาเมือง สำหรับโครงการขนาดใหญ่บางโครงการ ตลอดจนครุภัณฑ์ขนาดใหญ่บางรายการ อาจจะต้องถูกเลื่อนออกไป แต่การให้ความสำคัญทางสาธารณสุข คุณภาพการศึกษา ตลอดจนการดูแลสาธารณประโยชน์ เช่น กล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ สวนสาธารณะต่าง ๆ จะต้องให้บริการและปฏิบัติเช่นเดิม เพื่อประโยชน์สูงสุดของชาวนครเชียงใหม่ทุกคน
การรายงานฐานะการคลังตลอดจนแนวทางการบริหารให้กับประชาชนของนครเชียงใหม่ได้รับทราบ เป็นข้อมูลที่จำเป็นต้องเปิดเผยให้ทุกท่านได้ทราบอย่างโปร่งใสในทุกปี ในฐานะที่ประชาชนคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง